เป็ดแสนสุข


เมื่อวันก่อนเดินไปในสวนแห่งหนึ่งไปกับนักปฏิบัติ สวนแห่งนั้นมีธารน้ำไหล เห็นเป็ด 2 ตัวว่ายน้ำหาอาหารกันอย่างมีความสุข จึงถามขึ้นว่า

เป็ดมันมีความสุขไหม? ผมถาม
ก็ดูมันมีความสุขดีนะคะ
ถ้าเราชวนมันมาเป็นคน มันจะมาไหม?
อือ…คงไม่มั้งคะ มันคงว่ามันอยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว
นั่นนะซิ แล้วเราอยากไปเป็นนายกฯ ไหม?
คงไม่ล่ะค่ะ ปวดหัวกับสารพัดเรื่อง

แล้วนายกฯ อยากมาเป็นเราไหมล่ะ ถ้าเราว่าเราดีกว่า เขาก็คงต้องอยากมาเป็นเราซิ
ก็ไม่คิดว่าเขาจะอยากมาเป็นเราหรอกค่ะ เพราะเรามันก็ธรรมดาๆ ไม่มีอะไร

สังเกตไหมว่าไม่มีใครอยากไปเป็นใคร เป็ดก็ไม่อยากเป็นมนุษย์ มนุษย์ก็ไม่ได้อยากเป็นเป็ด คนไม่ดีก็อยากจะไม่ดีอยู่อย่างนั้น ไม่เห็นจะอยากเป็นคนดีเลย

มันน่ากลัวก็ตรงนี้ล่ะ รู้ไหมน่ากลัวยังไง

ถ้าดูเผินๆ ไปแล้วจะเห็นว่า แต่ละคนแต่ละภูมิ ถ้าไม่เห็นทุกข์ของตัวเองด้วยตัวเอง จะไม่มีใครคิดจะออกจากความเป็นสิ่งนั้นกันเลย ทุกคนหลงว่าตัวเองดีกว่าใครๆ กันหมด

เป็ดมันก็ว่าเป็นคนให้โง่
คนก็ว่าเป็นเป็ดให้โง่
ผู้ชายก็ว่าเป็นผู้หญิงไม่เอาหรอก
ผู้หญิงก็ว่าฉันไม่ขอเป็นชาย

ส่วนทอมก็ว่าฉันขอเป็นทอมไปทุกชาติทุกชาติ
ตุ๊ดก็ว่าฉันมีความสุขที่ฉันเป็นอย่างนี้

ทุกข์นะ ทุกข์จริงๆ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ไม่มีอะไรเหมือน ยากที่สุดก็ตรงนี้ล่ะ ที่จะทำให้ใครๆ รู้ให้ได้ว่าตนทุกข์ แต่ละภูมิมีข้อจำกัดที่ต่างกันตรงไหนรู้ไหม

ทุกภูมิดูจะหลงโง่เหมือนๆ กันเพราะอวิชชาสร้างตัวตนเอาไว้ แต่มีภูมิของมนุษย์ที่ได้เปรียบกว่าเพื่อนเขาหน่อยคือมีโอกาสที่จะย้อนกลับมาดูตัวเองได้ เมื่อฝึกมีสัมมาสติและสัมมาสมาธิ โดยใช้ศีลและสัมมาวายามะขูดเกลาให้พ้นจากสัญชาตญาณ จะเห็นทุกข์และรู้ทุกข์ขึ้นมาได้

รู้รึยังว่าผู้เกิดสัมมาทิฏฐิที่พระพุทธเจ้าบอกคืออะไรและสำคัญต่อการพ้นทุกข์แค่ไหน

ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับแห่งทุกข์ ทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์ นั่นล่ะเราเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ เมื่อนั้นจึงจะเห็นที่ผ่านมาว่าโง่ไม่มีอะไรเหมือน แต่จะไม่เห็นว่าผู้อื่นโง่นะ แต่จะหาทางช่วยอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้เขารู้ขึ้นมาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเข้าใจได้แค่ไหนก็ตาม หรือถึงแม้ว่าเขาจะด่าจะว่าจะปรามาสที่ไปยุ่งกับชีวิตเขา ก็จักไม่ยอมหยุดเพราะวันหนึ่งเขาจะรู้เอง ไม่ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่

ผมยังจำวันที่รัฐจะออกกฎหมายหมวกกันน็อค มีการชุมนุมประท้วงของชาวมอเตอร์ไซค์เขียนป้ายประท้วงว่า “หัวกูมึงอย่าเสือก” แต่ฝ่ายออกกฎหมายก็ดึงดันออกกฎหมายมาจนได้ จนวันหนึ่งคนที่ชูป้ายคนนั้นรถมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำแล้วหัวฟาดพื้น เมื่อเขาลุกขึ้นมาด้วยความดีใจที่รอดตายมาได้เพราะหมวกกันน็อค เขาจึงจะรู้สึกขอบคุณในใจลึกๆ เองว่า ดีนะที่เขาไม่เชื่อกู หรือไม่ก็ขอบคุณที่เสือกกับหัวกู

2 ตุลาคม 2555


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น