มีเพื่อนคนหนึ่งคุยทับว่า โธ่เอ๊ย เธอนี่ไม่ได้เรื่องเลย ทำจิตให้อยู่เหนือเวทนาซิ แล้วก็จะอาบได้ไม่ทรมาน
โอ้โห! เธอเก่งจัง แยกจิตออกจากเวทนา จนไม่ทุกข์กับเวทนาด้วย
เก่งจริงเหรอ? รู้จักสังขารไหม สังขารคือร่างกายจิตใจหรือจะเรียกในมุมของขันธ์ก็ได้ เขาไม่ใช่เรานะ จิตจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ ไม่เห็นเกี่ยวกับสังขารที่ต้องทนทุกข์กับน้ำเย็นที่ราดลงไป นั่นทำให้เหตุปัจจัยที่เข้าไปเปลี่ยนอุณหภูมิที่กายอย่างรวดเร็วและเฉียบพลัน เมื่อนั้นความพยายามที่รูปหรือกายจะต้องปรับตัวเพื่อต้องรักษาสภาพไว้ นี่จึงเป็นสภาพทุกข์ ที่ทางธรรมเรียกว่าทุกขัง จะมีผู้โง่ไปยึดถือแล้วเป็นทุกข์ หรือไม่มีผู้ยึดถือ (พระอรหันต์) มันก็ทุกข์ของมันอยู่ดี ของมันทุกข์อยู่แล้วทุกขณะ ไปเพิ่มทุกข์ให้มันอีก ทำมันอย่างนี้อาจส่งผลต่อสังขาร คือถ้ามันทนไม่ได้ก็ออกอาการเป็นหวัดเป็นไข้เป็นจาม นั่นคนฉลาดจริงหรือ นั่นเกิดปัญญารู้แจ้งแล้วหรือ? ถ้าต้องอาบก็ดูแลเขาบ้าง ถ้าอาบอย่างนั้นมาตลอดจนสังขารมันคุ้นของมัน ก็ไม่มีปัญหา แต่หากเกิดโตเมืองร้อนแต่ทำจิตไม่ให้หนาว นั่นเท่ากับไปทำร้ายเขานะ เกิดปัญญาให้มันถูกที่หน่อย เดี๋ยวสัมมาจะกลายเป็นมิจฉา
อย่างคำที่บอกว่าพระอรหันต์อาบน้ำเจ็ดตุ่มไม่หนาว สังขารน่ะ มันจะปอดบวมแน่ ส่วนพระอรหันต์อยู่ไหนล่ะ? แล้วคิดว่าถ้าเป็นพระอรหันต์จะไม่รู้เหรอว่าไปทรมานมันเพื่ออะไร ช่วยได้ก็ช่วย เดี๋ยวทำไปทำมากลายเป็น “กูเก่ง กูดี” ขึ้นมาซะอย่างนั้นแล้วไม่รู้ตัว หาคำพูดมากลบๆ เกลื่อนๆ การกระทำของตนอีก
วันนี้มีแต่คนทำตามๆ กัน ฟังตามๆ กัน คิดเอาเองกันมาก ความจริงแท้จึงหายไปเพราะผู้รู้เหนื่อยที่จะพูด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น