จดหมายจากอาจารย์ประเสริฐ

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ ผมเพิ่งปิดคอร์สที่แพร่ จึงไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานในปีนี้ ผมสำนึกในบุญคุณที่หลวงพ่อสอนสั่งมาโดยตลอด หลวงพ่อทำให้พระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจริงขึ้นมา แม้นเวลาล่วงไป 2,600 ปี แล้วก็ตาม ทำให้ผมและผู้คนเกิดความมั่นใจว่า หนทางแห่งการพ้นทุกข์จนถึงที่สุดนั้น ยังมีอยู่จริง ไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาล หลวงพ่อเป็นหลักชัยให้นักปฏิบัติทั้งหลาย มุ่งมั่นเดินตามทางอันมีอริยมรรคมีองค์ 8 เป็นแนวทางอย่างอาจหาญ ไม่ย่อท้อ เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อให้บรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ ด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก

ทุกครั้งที่กราบนิมนต์หลวงพ่อไปแสดงธรรม ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่ากับใคร ไม่ว่าช่วงนั้นหลวงพ่อจะเจ็บป่วยอยู่หรือไม่ หลวงพ่อไม่เคยปฏิเสธเลย แม้ล่าสุด ที่จะนิมนต์หลวงพ่อไปบรรยายให้คนเพียง 40 คนฟัง ซึ่งเป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติ การนิมนต์หลวงพ่อไปบรรยาย แม้เป็นการไปบรรยายเพียงคืนเดียว หลวงพ่อไม่เคยต้องคิด ถามเพียงว่า “เมื่อไหร่…ได้ หลวงพ่อว่าง” แต่คำตอบสั้นๆ นั่นมันหมายถึงว่า หลวงพ่อต้องตื่นแต่เช้ามืด เก็บข้าวของเดินลงจากเขา นั่งรถไปหาดใหญ่ นั่งเครื่องไปกรุงเทพ เดินทางไปปทุมธานี บรรยายเสร็จเช้าเดินทางกลับไปสนามบิน ต่อไปยังหาดใหญ่ นั่งรถกลับไปพัทลุง แล้วเดินขึ้นเขากลับวัด นั่นเป็นสิ่งที่ประทับใจศิษย์ทุกคนอย่างไม่มีวันลืม เพราะหลวงพ่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า พระธรรมสำคัญที่สุด ที่ทุกคนต้องรักษาไว้

คำสอนสั้นๆ ของหลวงพ่อที่กินใจ บันทึกไว้ในใจของลูกศิษย์ทั้งหลายอย่างไม่มีวันลืมเลือน อาทิเช่น “ทำไมไม่เอาของเน่าไปแลกของดีล่ะ กายของเรานั้นเน่าอยู่แล้ว เราตายแน่ กายเรานั่นเน่าแน่นอน ทำไมไม่เอาของเน่าไปแลกสิ่งประเสริฐที่พระพุทธเจ้าให้ไว้”

เวลาที่ผมเดินทางประกาศธรรมในฐานะสาวก ไม่ว่าที่แห่งหนไหน ไม่ว่าผู้ฟังจะเป็นใคร ไม่ว่าจะลำบากเหนื่อยยากเพียงใด เวลาหลวงพ่อถามว่า “เหนื่อยไหม?” ผมตอบว่า “เหนื่อยครับ” หลวงพ่อจะให้กำลังใจว่า “ให้หายใจในปี่นะ” ผมน้อมรับและจดจำมาจนถึงวันนี้ คนทั่วไปเขาเหนื่อยเขาไปเที่ยวกัน เขาไปพักผ่อนกัน แต่เราเหมือนคนเป่าปี่ จะไม่สามารถวางปี่ลงได้ เราต้องอาศัยหายใจพักผ่อนไปในขณะที่กำลังเป่าปี่นะ

“จงมีชีวิตเพื่อผู้อื่น” เมื่อนั้นตัวตนเราจะสลายไป ความเห็นแก่ตัวจะไม่มี จะเห็นสรรพสิ่งเป็นอนัตตา จำไว้นะ หน้าที่ของเราให้ทำอย่างนี้ไปจนตาย ไม่มีใครดูแลก็ให้มันตายไปเลย ทำให้กับโลกอย่างเดียว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การบรรลุธรรมสามารถเกิดขึ้นได้จากการแสดงธรรม

คำสอนทรงคุณค่าที่เปลี่ยนชีวิตผม คือคำที่หลวงพ่อทักในรถขณะนั่งไปด้วยกันคือ “เห็นไหมว่าตาไม่ใช่เรา” จากวันนั้น ผมจึงได้เห็นและเข้าใจ เป็นที่มาของความเข้าถึงความจริงอันยิ่งใหญ่

คำของพระพุทธเจ้าที่สั่งสอนสาวกเป็นอันมากและสั่งสอนมาโดยตลอด คือคำว่า

นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา

นั่นคือสิ่งที่ผู้คนไม่เข้าใจ ในคำสอนที่กระชับแสนสั้นของหลวงพ่อ ที่พร่ำสอนศิษย์มาตลอด ให้ภาวนาว่า “ไม่ใช่กู” เพราะคำว่าไม่ใช่กูนี่ คือการย่อทั้ง 3 ประโยค ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่สาวกนั้น เข้ามาสู่คำๆ เดียว เพราะเมื่อใครได้เข้าใจคำนี้ จนถึงที่สุดว่า แม้นจิตเองก็ไม่ใช่ “กู” เมื่อนั้นจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ หลุดพ้นไป

กราบแทบเท้าหลวงพ่อด้วยใจเคารพอันหาที่สุดมิได้

ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
สวนยินดีธรรม สุราษฎร์ธานี
www.suanyindee.net
13 พฤศจิกายน 2555


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น