ตายอยู่แล้ว ไม่มีไม่ตาย

ในเมื่อคนเราก็ตายอยู่แล้ว ทุกๆ วันนี้ กายเราก็บูดเน่าเข้าไปทุกวัน แต่มันยังสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาสู้ได้ตลอด จึงทำให้ชีวิตยังดำรงอยู่ได้ หากเรามองตามความเป็นจริง ชีวิตของทุกคนนั้นกำลังนับถอยหลังสู่วันสุดท้ายกันทุกคน ไม่ได้เกี่ยวกับภัยพิบัติ 2012 เลย เรื่องของเรื่อง จะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เมื่อไม่กี่วันก็มีผู้ที่กำลังจะเสียโทรมาหาผม ให้ช่วยชี้ทางสงบบนเตียงในโรงพยาบาลก่อนจะจากโลกนี้ไป นี่ก็เป็นอีกคนที่ไม่เห็นต้องรอ 2012

หากเราตายแน่ๆ อยู่แล้ว ทำไมไม่ทำเวลาที่เหลือให้มันดีที่สุดล่ะ คนเราเลือกเกิดได้ไหม? ถ้าการเกิดเป็น
ผล แสดงว่าต้องมีเหตุ เหตุคือการทำอะไรๆ ในทุกๆ วินาทีของเรานั่นเอง จะทำวินาทีไหนล่ะ? ก็วินาทีนี้แหละ

ถ้าจะเลือกเกิดในสุคติภูมิ เช่น มนุษย์ เทวดา พรหม ก็เป็นผู้มีศีล สละอายเกรงกลัวต่อบาป เจริญภาวนา นั่งสมาธิ เดินจงกรม มีสติรักษาจิต ละอกุศล เจริญกุศล ทำประโยชน์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

ใครๆ ก็คงไม่อยากเกิดเป็นเดรัจฉาน แต่เหตุเกิดให้เป็นเดรัจฉานก็คือ โมหะ ความหลง เผลอ เหม่อ นั่งคิดโน่นคิดนี่จนใจเป็นทุกข์ ไม่มีสติจะระลึกว่าเผลอเหม่อไป อยู่กับเหม่อเป็นเวลานานๆ แล้วก็เป็นทุกข์

หรือว่าใครอยากเป็นเปรต เหตุเกิดเป็นเปรตก็มาจาก โลภะ ความโลภ อยากไม่สิ้นสุด อยากจนจิตใจเร่าร้อน เห็นใครเขาทำบุญทำกุศลก็เที่ยวไปเสียดายเงินของผู้อื่น คอยพูดขัดขวางการกระทำบุญกุศลของคนอื่น คดโกง ยักยอกเงินที่ไม่ใช่ของๆ เรา โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่นนั้นไม่ต้องห่วง คุณได้ใช้สิทธิÏนั้นแน่ เพราะมันเป็นทุกข์ร้อนรนตั้งแต่วินาทีที่คิดจะโกงแล้ว หากอยากได้ของที่ใช้เงินส่วนตัวที่ได้มาโดยชอบ นั่นยังไม่น่าห่วงมาก เพราะหากเรามีสติใช้เหตุใช้ผลในการซื้อหาพอสมควร จิตใจมันไม่ได้มีตัณหาบีบคั้นมากนัก และก็ไม่ได้ไปสั่งสมจิตที่เร่าร้อนจนหนัก

แล้วเหตุเกิดของอสุรกายล่ะ ก็พวก Self จัด กูเก่ง กูแน่ กูรู้หมด นั่งดูทีวีดูข่าว ด่าได้ทุกคน โลกนี้ไม่มีใครดีเลย ทั้งๆ ที่คนพูดแย่กว่าตั้งเยอะ แต่ก็ไม่เห็นตัวเอง

สุดท้ายคือสัตว์นรก ภูมินี้ไม่น่าไปเป็นอย่างยิ่ง เลี่ยงโทสะนะ หงุดหงิดสรำคาญ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โมโหมือไม้สั่น ด่าเก่ง วีนแตก อาฆาตพยาบาท ไม่ให้อภัยใคร แม้เวลาจะเนิ่นนานเพียงไรก็ยังแค้นไม่หาย ภูมินี้น่ากลัวยิ่งนัก ยิ่งถ้าโกรธพ่อโกรธแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณสยิ่งไปกันใหญ่

เพราะฉะนั้น หากการกระทำในทุกวินาทีของเรานั้น เป็นเหตุเกิด อยากเกิดเป็นอะไรก็ทำเอา แต่ประเภทอยากเกิดดีๆ แต่ทำแย่ๆ ในแต่ละวัน ขอบอกว่า ผลมาจากเหตุ ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ไม่เกี่ยวกับว่าคิดอยากเป็นอะไร

ถ้าไม่อยากเกิดมาทุกข์อีก ก็อย่าสร้างเหตุเกิด เมื่อเหตุดับ ผลก็จะดับ อุปติสะ (พระสารีบุตร) ฟังคำของพระอัสชิแล้ว บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน จากประโยคที่ว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดมาแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุ และแสดงความดับเพราะหมดเหตุ พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น”

ดับเหตุเกิด ต้องเจริญมรรค เหตุดับ ผลก็นิโรธสนั่นล่ะ นิพพาน


เขียนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น