ทุกครั้งที่แผ่นไม้ตั้งฉากเลื่อนขึ้นเลื่อนลงมาทาบบนหัวนักเรียนคนแล้วคนเล่า แผ่นไม้ตั้งฉากนั้นทำหน้าที่บอกตำแหน่งความสูงตามตัวเลข ที่เป็นแผ่นแนวตั้งติดกับผนังห้อง โดยไม่เคยยึดติดกับตัวเลขของคนก่อนๆ และเป็นอิสระจากตัวเลขของคนถัดไป เด็กทุกคนล้วนสูงทั้งสิ้น สูงกว่าระดับศูนย์ที่ไม้ฉากไม่ได้ทำหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคนที่หนึ่ง 145 แล้ว ไม้ฉากจะกลับไปที่ศูนย์ จากนั้นคนที่สอง 150 ไม้ฉากก็จะกลับไปที่ศูนย์ และก็เป็นไปอย่างนี้ทุกๆ ครั้ง
วันนี้หากไม่มีอวิชชา จะเกิดความเป็นอิสระ ไม่เข้าไปยึดถือสิ่งต่างๆ เลย
ตัวอย่าง
หากมีคนๆ หนึ่งทำดีกับเรามาก เรารู้สึกดีเท่ากับ 10
อีกวันหนึ่ง เขาทำดีน้อย เท่ากับ 5
อีกวันเขาไม่สนใจเราเลย เท่ากับ 0
สังเกตไหมว่า ตอนที่เขาดี 10 เรายึด 10
พอเขาดีกับเรา 5 เราเริ่มรู้สึกผิดหวังว่าเขาดีกับเราลดลง ความรู้สึกของเราที่มีต่อเขาคือติดลบ -5
วันที่เขาไม่สนใจเรา เราทุกข์มาก และเขาคนนั้นกลายเป็นคนนิสัยไม่ดี ความรู้สึกที่มีต่อเขาคือ -10
แล้วถ้าจิตไม่ยึดล่ะ…
วันที่คนๆ หนึ่งทำดีกับเรามาก ประมาณว่าเขาทำดีเท่ากับ 10 อีกวันหนึ่งเขาทำดีน้อยกว่าวันแรก ประมาณว่า เท่ากับ 5
อีกวันเขาไม่สนใจเราเลย เท่ากับ 0
ความรู้สึกของเราจะอิสระจากการกระทำของเขา เขาทำดี 10 ก็คือเขาทำดีก็ดีอยู่กับตัวเขานั่นล่ะ เราชื่นชมไปกับการทำดีของเขา
อีกวันเขามาทำดีกับเรา 5 เขาก็ดี 5 ดีก็อยู่ที่เขา ไม่ได้รู้สึกไปยึดว่าเขาดีกับเราแต่อย่างใด จะไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลย เขาทำดีก็ยังคงอนุโมทนาในดีของเขา
วันที่เขาไม่ดีกับเรา จริงๆ แล้วคือเขาอยู่เฉยๆ นั่นล่ะ ถ้าจะพูดให้ถูก แต่คนที่ยึดตัวตนจะสร้างความรู้สึกนี้ขึ้นมา (โง่ทุกข์สิ) เลยหาว่าเขาไม่ดีกับ “เรา”
ต่อให้เขาจะไม่ดีกับเราโดยเจตนาก็เถอะ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเราเลย เขาจะเป็นอะไรก็เป็นไปเถอะ ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับเราเลย แล้วก็ไม่ต้องไปคิดแก้ตัวแทนเขาแทนเราอะไร หรือต้องคิดไปเป็นบวกอะไรทั้งสิ้น มันไม่เห็นมีอะไรจะต้องคิดเลย มันก็เงียบสงบดีเป็นปรกติ จะบอกว่า “ไม่คร่ำครวญ” ยังไม่ใช่เลย ถ้ามันไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ไม่เห็นจะคร่ำครวญอะไร แล้วไม่มีอะไรจะต้องไปห้าม หรือไปทำอะไรให้มันไม่คร่ำครวญ ถ้าท่านมีลูกที่อบรมมาดี นั่งสงบอ่านหนังสือไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ท่านต้องไปบ่นด่าต่อว่าห้ามปราม ว่าอย่าทำนั่นทำนี่ไหมล่ะ
เอาไปวัดได้กับทุกอย่างในโลก การลงทุน ได้เท่านั้นได้เท่านี้
แม่กับลูก ภรรยากับสามี ว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ การปฏิบัติครั้งนี้อย่างนี้ ครั้งนั้นอย่างนั้น ครั้งก่อนดีอย่างโน้น
แล้วแต่เหตุและปัจจัย…
ไม้ฉากขึ้นไปทำหน้าที่แล้วก็กลับลงมาอยู่ที่ศูนย์ ขณะที่ไม้ฉากวิ่งขึ้นวิ่งลงในการทำหน้าที่ ใต้ไม้ฉากเองว่างจากตัวตน มีแต่ผู้อื่นเข้ามาให้ทำหน้าที่ได้ประโยชน์นั้นๆ ไป ไม้ฉากทำหน้าที่จบ ก็เป็นอิสระที่จะกลับไปที่ศูนย์ตามเดิม ไม่ค้างที่ความสูงความต่ำของใคร ไม่มานั่งปลื้มในการทำหน้าที่ของตน ใครสูงขึ้นเขาจะนั่งปลื้มว่าเขาสูงขึ้น ก็เป็นเรื่องของใครๆ ใครเตี้ยลงนั่งเสียใจ ไม้ฉากทำหน้าที่แล้วก็กลับไปอยู่ที่เดิม วันหนึ่งเขาเรียนรู้ความจริงได้ แล้วยอมรับมันก็จะไม่ทุกข์อีก ต่อให้สูงเท่าเดิมก็ไม่ใช่สูงอันเดิม สูงเปลี่ยนแปลงแต่ในอัตราที่บวกลบคูณหารแล้ว มันเป็นตัวเลขเดิม
คงทำได้แต่หน้าที่ จะบอกว่าดีที่สุด ยังพูดไม่ค่อยจะออกเลย เพราะมีมาตรฐานเดียวคือเที่ยงตรง ไม่เอนไปในทางที่จะต้องโอ๋ใคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น