ร่มเงา เมฆ พระอาทิตย์

ตอนเช้าไม่ร้อน ตอนเย็นไม่ร้อน ตอนกลางวันร้อน ผู้คนทั้งหลายจึงชอบตอนเช้าและตอนเย็น ชีวิตต้องเดินทางตรากตรำอยู่กลางแดด ช่วงเดินทาง ในตอนเที่ยงเกิดมีเมฆมาบังดวงอาทิตย์ ผู้คนก็ชอบใจอยากให้เมฆนั้นอยู่นานๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องใช้วิธีบนบานศาลกล่าวขอให้เมฆอยู่นานๆ ด้วยการอธิษฐานขอ (จริงๆ อธิษฐานไม่ได้แปลว่าขอ แต่ถูกใช้จนความหมายเบือนไป) ก้อนหิน ต้นไม้ เทพต่างๆ เพื่อให้เมฆไม่เปลี่ยนแปลง เราจะได้มีความสุข

ท่านทั้งหลายคิดว่าเมฆจะอยู่ได้นานแค่ไหน? และเมฆอยู่นานหรือไม่ ก็ไม่ได้ขึ้นกับคำขอของใคร แต่ขึ้นกับเหตุปัจจัยของลม ของธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อคนขอ บังเอิญได้อย่างที่ขอ เลยไปทึกทักเอาว่าการขอประสบผล เพราะก้อนหินนั้นดลบันดาลให้ จึงเกิดเป็นความหลงผิด ไปป่าวประกาศให้เกิดความงมงายกันต่อๆ ไป

วันนี้การปฏิบัติธรรมเพื่อให้กลับมาสู่สัจธรรมความจริง ทำไมต้องอาศัยพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เพราะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น เมื่อเราอาศัยเป็นที่พึ่งที่ถูกต้องแล้ว จะช่วยละความเห็นผิดลงได้ ถ้าต้องอ้อนวอนขอให้เมฆต้องอยู่ตลอดไปแล้ว อนิจจังจะอยู่ที่ไหนได้ล่ะ เรื่องใหญ่มันไม่ใช่เมฆหรอก เรื่องใหญ่มันอยู่ที่ความพอใจในใจต่างหาก ไปหลงคิดว่า ถ้าข้างนอกเปลี่ยนไปข้างในจะเป็นทุกข์ เพราะไปหลงชอบสิ่งนั้น นั่นจึงไม่มีใครเห็นอนิจจังจริงๆ ถ้าเห็นจริง พ้นทุกข์ไปมากเลย

ในเมื่อสรรพสิ่งก็เป็นอย่างนั้นของมันอยู่แล้ว ทำไมต้องไปหลงชอบหลงไม่ชอบ หลงสุขหลงทุกข์กับของที่มันเป็นเช่นนั้นเอง หากใครเห็นอย่างนี้ ก็จะคลายความยึดถือลงได้


เขียนเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น