สามีนี่มีแต่เรื่องร้อนใจ
ที่ทำงานมีคนที่คอยจองล้างจองผลาญกันอยู่เรื่อย
ทำอะไรไม่ขึ้นเลย สงสัยเคยทำอะไรกับใครไว้ตั้งแต่ชาติก่อน
ที่ว่ามาคือเจ้ากรรมนายเวร ใช่ไหม? เพราะคนทั้งหลายที่พูดถึงล้วนทำให้ทุกข์ หากลูกดี เพื่อนดี สามีดี เราไม่ใช้คำว่าเจ้ากรรมนายเวรกับพวกเขา
หากเรากินข้าวแล้วเจออาหารเป็นพิษจนส่งโรงพยาบาล แต่อาการหนักมากไม่สามารถรักษาทัน สุดท้ายก็เสียชีวิต ทุกคนจะลงความเห็นว่าซวยจริงๆ ทำอะไรมา ถึงขนาดเจ้ากรรมนายเวรตามมาเอาชีวิตแบบนี้
ส่วนพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสวยสูกรมัทวะบ้านนายจุนทะและทรงพระประชวรอย่างหนัก จนในที่สุดดับขันธปรินิพพาน
สองเหตุการณ์นี้ มีความเหมือนกันและต่างกันที่ตรงไหน?
ความเหมือน เหตุการณ์ที่รับประทานอาหารเข้าไป จนอาหารเป็นพิษถึงแก่ความตาย หากนี่เป็นวิบาก ทั้งสองเหตุการณ์รับวิบากแบบเดียวกัน
ความต่าง คือ คนธรรมดาทุกข์ แต่พระพุทธเจ้าไม่ทุกข์
สองกรณีนี้ต่างกันที่ “ทุกข์” ดังนั้นใครทำให้ทุกข์ คนนั้นแหละเป็นเจ้ากรรมนายเวร คนธรรมดามีอวิชชา พระพุทธเจ้าหมดอวิชชาแล้ว
…ถ้าอย่างนั้นเจ้ากรรมนายเวรที่แท้จริงก็คือ อวิชชา
ข้อสังเกต
หากท่านกำลังนอนอยู่ในห้องนอน แล้วเกิดไฟดับกลางดึก คืนนั้นอากาศร้อนด้วย แอร์ก็ไม่ทำงานด้วย ท่านก็หงุดหงิด แหมซวยจริงๆ เวรกรรม
แต่เวลาเสียเงินไปเข้าซาวน่าในฟิตเนส นั่งครึ่งชั่วโมงเหงื่อไหลไคลย้อยเพราะตู้อบซาวน่า กลับไม่บ่นสักคำ แถมว่าตู้ยี่ห้อนี้ร้อนดี
ทุกข์อยู่ที่ร้อน หรือทุกข์อยู่ที่โง่?
สรุปถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร วิบากมีอยู่ของมันตามเหตุตามปัจจัย แต่ด้วยความเข้าใจในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนปล่อยวางเหตุของทุกข์ แล้วเจ้ากรรมนายเวรอยู่ไหน…ตอบสิ เพราะอะไรๆ ก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น