วันนี้เราอาจจะไปคิดว่าเสียงคำสอนครูบาอาจารย์ทั้งหลายเป็นไฟล์ Mp3 ภาพทั้งหลายไปดูจาก YouTube หนังสือต่างสๆ แม้แต่พระไตรปิฎกก็ไปโหลดมาจากเว็บไซต์ได้
เอาสิ่งสมมติออกไปแล้วเราจะพบความจริงที่แสนอัศจรรย์
ในสมัยพุทธกาล พระอานนท์เป็นอสีติมหาสาวกผู้เป็นเลิศด้านพหูสูต ท่านเป็นผู้ได้ยินได้ฟังคำสอนจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด ดังมีคำกล่าวว่าพระไตรปิฎกทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ มาจากพระอานนท์ถึง 82,000 แต่เราลืมอะไรไปหรือเปล่าว่า ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้น ทุกวันนี้สามารถถูกบรรจุเอาไว้ใน iPad รวมทั้งการสาธยายจากผู้รู้มากมาย และการจัดหมวดหมู่ การเรียงลำดับ เป็นไปอย่างไม่เคยมียุคใดทำได้มาก่อน การค้นคว้าสืบค้นเป็นไปชั่วพริบตา เราศึกษาผ่าน iPad ได้มากมาย ซึ่งถ้าดูเฉพาะปริมาณ เราอาจได้ยินคำจากพระโอษฐ์มากกว่าพระอานนท์เสียอีก เราได้ยินพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตร ตรัสกับพราหมณ์ ตรัสกับนางวิสาขา เราวิ่งกลับไปมาได้ระหว่างอดีตและอนาคต ภายใต้เวลาปัจจุบัน
เสียงคำสอนทั้งหลายที่เรากำลังฟัง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ หลวงตา สายพระป่าก็ดี ท่านพุทธทาส หลวงพ่อเอี้ยน ครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่านทั้งที่มรณภาพไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ก็ดี นั่นคือเรากำลังฟังท่านอยู่ เสมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น แต่นี่คือการย้อนอดีตพวกเรากลับไปอยู่ต่อหน้าท่าน (โดยไม่ใช่การปรุงให้เคลิ้มนะ แต่เมื่อเสียงว่างจากความหมายแห่งตัวตน เสียงทั้งหลายว่างอิสระ ใครเข้าคอร์สให้นึกถึงสื่อไก่ย่างส้มตำ-จูบลิง) ไม่ว่าเราจะอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นที่สวนโมกข์ ภูจ้อก้อ วังสันติบรรพต หรือที่ใดๆ ในโลกหรือไม่ก็ตาม ท่านเหล่านั้นกำลังแสดงธรรมอยู่จริงๆ ในเวลานั้นซึ่งก็คือเวลานี้ เราได้เข้าไปอยู่เข้าไปฟังเป็นหนึ่งในกลุ่มคนในวันนั้น หากคนในเหตุการณ์นั้นสามารถเข้าใจธรรมได้ เราก็ทำได้เช่นกัน แถมเราได้เปรียบกว่าตรงที่จะฟังซ้ำกี่ครั้งก็ได้ สามารถหยุดหาข้อมูลของคำที่เราไม่เข้าใจความหมายได้โดยใช้ Google ซึ่งง่ายดายมาก
วันนี้หากเรานำความอัศจรรย์ในความได้เปรียบนี้มาใช้ มนุษย์วันนี้แทบจะได้เปรียบเทวดาด้วยซ้ำ เราเดินทางกลับสู่อดีตด้วยการถอยไปฟังการแสดงธรรมครั้งใดๆ ก็ได้ในอดีตได้โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยซ้ำ เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส เพียงเราตั้งใจตัดการปรุงแต่งถึงแหล่งกำเนิดเสียงออก เพราะเสียงจะว่าง แล้วนั่นคือคำสอนที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง
ทุกวันนี้มนุษย์รู้อนาคต ก่อนที่เราจะไปถึงสถานที่นั้นหรือถานการณ์นั้นแล้วเสียอีก หากท่านจะเดินทางไปที่ไหนในประเทศหรือในโลก ท่านสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอากาศที่นั่นเป็นอย่างไร อะไรกำลังเกิดขึ้นบ้าง ถนนไหนรถติดรถไม่ติด ไปทางไหนถึงจะเร็วโดยไม่ต้องใช้ฌานเลย แต่เรากำลังปล่อยให้ความเคยชินอันเกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมซึ่งก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ วันละนิด สร้างความเคยชินของชีวิตจนเห็นมันเป็นธรรมดาไป นี่ล่ะ ที่พวกเราอาจพลาดสิ่งที่ได้เปรียบที่สุดและปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ได้อะไรเลย วิทยาการวันนี้แม้จะเดินหน้าไปจนสามารถรู้ถึงความคิดคน ฝังความคิดใดๆ ในคน ให้เขาคิดหรือตอบอย่างที่เราต้องการได้ โดยไม่ต้องนั่งสมาธิเลย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์
หากเราถอดถอนสมมุติที่ปิดปังออก ก็จะเหลือแต่อายตนะภายนอกคือรูปบ้าง เสียงบ้าง มากระทบกับอายตนะภายในคือตา หูของเรา วิญญาณที่เข้าไปแปลค่า ก็อย่าโง่ให้การปรุงแต่งไปบดบังว่าเสียงมาจาก iPad ให้พ้นจากการถูกบดบังด้วยการแปลรูปและเสียงนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ออกมาจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ท่านจะสามารถเข้าถึงสภาพไร้กาลเวลา ไร้จากข้อจำกัด ว่าสิ่งนี้มาจากอินเตอร์เน็ต เมื่อนั้นท่านจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง
หากอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ผู้คนเข้าไปยึดติดเสพติด ด้วยเกม ด้วยเฟซบุ๊ค ด้วยสิ่งเย้ายวนใจ พวกเราจะใช้อาวุธของศัตรูนี่ล่ะพิฆาตศัตรู หนทางแห่งการพ้นทุกข์ พ้นด้วยปัญญา มีปัญญาหยิบอุปกรณ์ในโลกมาใช้ประโยชน์ในการเดินทาง ท่านสามารถมีคำสอนเดินทางไปกับท่านตลอดเวลา เวลาวิเวกอยู่ในป่า ฟังคำของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับนั่งต่อหน้าพระพักตร์ แล้วปฏิบัติตามคำ แล้ววันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ฆราวาสผู้ใฝ่ธรรม จะได้โอกาสพลิกสถานการณ์ที่เป็นรองขึ้นมาเป็นต่อ ผมรับรองได้ว่าอนาคตอีกไม่นานในชั่วชีวิตนี้ จะมีฆราวาสที่ใฝ่ในการปฏิบัติบรรลุธรรมจำนวนมหาศาลจากความได้เปรียบนี้ แต่ต้องภาวนาย้อนกลับเข้ามาที่กายใจนี้ เพื่อให้รู้แจ้งให้ได้ว่า มันไม่ใช่ “เรา”
วันหนึ่งอาจมีคนเห็นท่านก้มลงกราบ iPad คนอาจหัวเราะด้วยความไม่เข้าใจ จริงๆ แล้วท่านไม่ได้กราบ iPad ท่านกำลังก้มลงกราบ…พระธรรม
ทุกวันนี้ท่านกราบ…หิน…เหล็ก…พระพุทธรูป หรือกราบพระพุทธเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น