กลับมาที่ปัจจุบัน การอยู่กับปัจจุบันจะทำให้เห็นความจริงซึ่งมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่ความชินบังตาไปหมด เพราะหากคิดไปถึงอนาคตจะเกิดผลเป็นทุกข์ สุข อุเบกขา เมื่อคิดไปถึงอดีตจะเกิดเป็นทุกข์ สุข อุเบกขา แต่หากอยู่กับปัจจุบันจะเกิดเป็นอุเบกขาอย่างเดียว การกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ ก็อาศัยกายใจเป็นฐานที่ตั้ง ในขณะที่หากอาศัยฐานใจเป็นที่ตั้ง ผลจะเกิดเป็นสุข ทุกข์ อุเบกขา แต่เมื่ออาศัยกายจะเกิดผลเป็นอุเบกขา ในที่สุด พระพุทธองค์จึงให้ความสำคัญกับกายคตาสติ หรืออานาปานสติค่อนข้างมาก เพราะฐานนามธรรมค่อนข้างเสี่ยงและมีผลข้างเคียง ทำให้เกิดภพอยู่ร่ำไป หากจิตไม่ทรงฌาน
เมื่ออยู่กับปัจจุบันจิตจะตั้งมั่นเป็นบาทฐานให้เห็นสัจธรรมได้ง่าย อยู่กับปัจจุบันไว้ จนวันหนึ่งที่พบความจริงจะเดินแหวกเข้าไป จนปัจจุบันเองก็ไม่มี
Happiness is here and now, but the real happiness is not here and never now, though it will still be here until then.
ข้อคิด
หลังสวนยินดีธรรมเป็นคลองท่ากูบ น้ำขึ้นน้ำลงทุกวันตามน้ำทะเลเพราะเชื่อมถึงกันอยู่ผ่านแม่น้ำตาปี แรกๆ ก็ชอบน้ำขึ้น ไม่ชอบน้ำลง จากนั้นเริ่มนั่งดูน้ำขึ้นน้ำลง ศึกษาจนรู้จัก เลยรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ
จากนั้นพอน้ำขึ้นก็เข้าใจว่ามีเหตุ พอน้ำลงก็เข้าใจว่ามันก็มีเหตุ เลยไม่ได้ไปชอบหรือไม่ชอบ ศึกษาจนเห็นว่ามันเป็นของมันอย่างนั้น จะบ้าชอบไม่ชอบ ก็เกิดสุขทุกข์ตามมา เกิดปัญญาตามขึ้นมา เฝ้าดูจนเต็มอิ่ม ไม่มีความจำเป็นในการจะไปดูไปรู้มันอีก ก็จึงวางปัญญาที่ได้จากการศึกษา ไม่เฝ้าดูมันแล้ว เพราะไปนั่งเฝ้าดูก็เลยมีผู้ดู มีผู้ถูกดู ก็เป็นทุกข์อยู่ดี จากนั้นจึงไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับน้ำขึ้นน้ำลง ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับการต้องไปเฝ้าดู ไม่ไปทุกข์ไปร้อนกับใครจะมาโต้เถียงหรือพูดจายกหลักการเหตุผลสารพัดของน้ำขึ้นน้ำลงอีก พอแล้ววางไว้ ไม่หยิบฉวย ไม่มี
เก่งไม่เก่ง ฉลาดไม่ฉลาด ปัญญาดีไม่ดี …มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ แนบสนิท ไร้กู ไร้เรา
เขียนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น