ยอมรับเถอะว่าสัจธรรมความจริงคือธรรมชาติซึ่งแปรเปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัย เราทำเหตุใหม่ได้แต่ผลนั้นก็มาจากเหตุปัจจัยที่หลากหลาย ไม่ได้เปลี่ยนได้ดังใจเพราะเหตุปัจจัยใหม่ที่เราทำเพียงอย่างเดียว คนเราทำให้ดีที่สุดในแต่ละขณะ เป้าหมายมีแต่อย่ายึดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เพราะนั่นเป็นทุกข์ กลับมาอยู่ที่วิถีเสีย อย่าแปะไว้ที่เป้าหมาย ไม่งั้นทุกข์ฟรีนะ เมื่อทุกข์ฟรีก็นรกฟรี
เมื่อสั่งสมความเห็นผิดมาเราจึงคิดผิด พูดผิด ทำผิดมาตลอด สิ่งนี้สั่งสมฝังแน่นมานานต้องละออก แล้วสร้างนิสัยของจิตใหม่ให้มาทางกุศลแทน พร้อมกับๆ ไม่ทำอกุศลทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ เมื่อเกิดอกุศลในใจให้ละเสีย เบื้องแรกจะวิธีใดๆ ก็เอาเถิด แล้วรู้ลมสลับไว้เรื่อยๆ พอสมาธิดีแล้ว ลมเป็นที่พึ่งได้แล้วก็จะง่ายขึ้นสบายขึ้น
อย่าทิ้งนะลมหายใจเป็นที่พึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่ขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังทรงแนะนำบอกสอนมากที่สุด แต่แม้ที่พึ่งที่ว่าดีก็เกิดๆ ดับๆ พึ่งก็พึ่งได้ชั่วคราว สามี เพื่อน แฟน ที่ทำงาน ลูกก็ยิ่งชั่วคราวยิ่งกว่านะ ขนาดลมหายใจอยู่กับกายนี้แท้ยังควบคุมบังคับบัญชาให้อยู่ตลอดไปไม่ได้ แล้วประสาอะไรจะไปบังคับโลกนี้ที่แปรเปลี่ยนตามปัจจัยให้เป็นไปดั่งใจ เราทำเหตุที่ดีอย่างเต็มที่ไม่ย่อท้อได้เท่านั้น
ที่พึ่งถาวรมีอยู่ เบื้องแรก ไตรสรณคมน์ เบื้องต่อมาสเข้าถึงอริยสัจ 4 โดยเดินตามมรรค เมื่อเข้าถึงความเป็นโสดาบัน เบื้องสุดคือเข้าถึงปัญญาวิมุตติ เจโตวิมุตติสุดทางที่พระอรหันต์ ทำเหตุไปเรื่อยๆ เมื่อถึงก็ถึงเอง แต่ศีลต้องบริสุทธิ์ไม่ว่าขั้นไหนๆ อย่าหลงทางนะ
เขียนเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น