“ลูกรู้ไหม ทำไมพ่อถึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง”
ตอนนั้นรถติดอยู่ จู่ๆ พ่อก็หันมาถามฉันแบบนี้
ว่าแต่ฉันตอบหรือใช้เวลาคิดมากไปหน่อยก็มิอาจจำได้ แต่ฉันจำคำต่อไปของพ่อได้
“เพราะพ่ออยากให้ลูกคิดเองได้ จริงๆ แค่บอกคำตอบไปเลยพ่อก็ทำได้ แต่ในอนาคตภายหน้าสักวันหนึ่งที่พ่อไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว พ่ออยากให้ลูกคิดเป็น วิเคราะห์เป็น แล้วก็เอาตัวรอดอยู่ในโลกนี้ได้”
ตอนนั้นฉันก็ได้แค่ อืม อืมม แต่ตอนนี้คำพูดนี้มันกระทบใจเข้าอย่างจัง ตอนนี้ที่ฉันเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีอิสระในการใช้ชีวิต ตัดสินใจให้ตัวเองในทุกๆ เรื่อง ฉันรู้ซึ้งแล้วว่าพ่อหมายถึงอะไร
“สัมมาทิฏฐิ เปลี่ยนการดำเนินชีวิต และทั้งชีวิตของเราได้”
ถึงตอนนั้นพ่อจะยังเป็นนักธุรกิจอยู่ก็ตาม (ตอนนี้สิ่งที่พ่อทำไม่ใช่ “ธุระ” อีกแล้ว แต่คือธรรมะ เป็นนักธรรมกิจ) แต่ฉันคิดว่า หัวใจของพ่อที่ต้องการจะสอนให้ลูกคิดเป็นและมีความสุขในชีวิตได้ ไม่ได้ต่างไปจากตอนนี้เลย
หากเราคิดเป็น มีแนวคิดที่ถูกต้อง อย่างอื่นที่ดีๆ ก็จะเกิดตามมาเอง เพราะถึงจะเกิดเรื่องเลวร้ายขนาดไหน แนวคิดของเราก็จะทำให้เรามองในมุมที่ดีกว่า และอาจจะยับยั้งการกระทำที่เราไม่ทันคิดไว้อีกด้วย (ถ้าสติมาทัน)
เรื่องราวต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่พ่อสอน หากท่านเปิดใจให้กว้างพอ อาจจะได้มุมมอง แนวคิด การกระทำใหม่ๆ ที่ท่านไม่เคยเห็นไม่เคยทำมาก่อนเลยก็เป็นได้ และยิ่งท่านได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แล้ว สิ่งที่พ่อสอนก็คงไม่สูญเปล่าแล้ว
ขออนุโมทนากับทุกท่าน
รัญชิดา อุทัยเฉลิม
บรรณาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น