กลัวภัยพิบัติ กลัวตาย

ข่าวคราวเรื่องภัยพิบัติมีเยอะ ออกมามากจากหลายแหล่ง จริงไม่จริงผมว่าคงไม่ใช่สาระล่ะ เพราะหากเดือนกันยายนที่ผ่านมา ใครมาบอกว่าน้ำจะท่วมสนามบินดอนเมือง วิภาวดีจะกลายเป็นคลอง คนกว่าล้านจะต้องอพยพ น้ำหน้าบ้านจะสูงถึงหน้าอก ใครจะเชื่อ? เพราะในชีวิตรุ่นปู่ย่ายังไม่เคยเกิดให้เห็นเลย…เพ้อเจ้อ ถึงตอนนี้แล้วยังไง เราอยู่กับคิด โดยที่ความจริงไม่ได้ขึ้นกับความคิด ความจริงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใครจะคิดอย่างไร ถ้าเขาจะเกิดก็คงเกิดตามเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดตามความเห็นถูกหรือเห็นผิดของใครเลย ใครจะเห็นว่าอะไรก็ได้

หากเกิดภัยพิบัติจริงแบบที่เขาพยากรณ์กัน ทุกคนหนีตาย กลัวตาย ดิ้นรน ถามว่าจะไปอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ไหนก็ตายอยู่ดี (หรือไม่จริง) หากไม่กลัวตาย อยู่ที่ไหนก็ไม่กลัวตาย ทำไมเรากลัวตายกันจัง

ท่านเกิดวันที่เท่าไหร่? (สมมุติว่าเป็น 1 ม.ค.) ผมถามว่าก่อน 1 ม.ค. นั้นท่านอยู่ที่ไหน? อยู่ในท้องแม่ ก่อน 1 ม.ค. เก้าเดือน อยู่ไหนก่อนมาอยู่ในท้องแม่ คงเป็นวันตายของชาติก่อนหน้านั้น แต่เป็นอะไรไม่รู้ แล้วถอยไปจนถึงวันเกิดในชาติก่อน แล้วถอยต่อไปก่อนวันเกิดในชาติก่อนล่ะ ก็คงเป็นวันตายของชาติก่อนหน้านั้นไปอีก

เอาล่ะ ทีนี้ถ้าหากท่านตายในเหตุการณ์ภัยพิบัติ 2012 จริง วินาทีหลังจากตาย ท่านจะเป็นอย่างไรต่อ?…เกิด 
พอเกิดแล้วยังไง ก็คงดำเนินชีวิตต่อไป
จนถึงเมื่อไหร่?…จนตาย 
แล้วหลังจากตายล่ะ?…เกิด 

จะเกิดเป็นอะไรไม่รู้ล่ะ ขนาดเป็นมนุษย์ก็ยังทุกข์กันขนาดนี้ กลัวไม่มีที่สิ้นสุด หากอยู่ในทุคติภูมิก็คงยิ่งลำบาก ถึงอยู่บนสวรรค์แต่หากใกล้วันสุดท้าย ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากตอนนี้หรอก การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป

อย่าห่วงเรื่องตายเลย เพราะแค่ 2 ขณะจิตก็เกิดใหม่แล้ว ห่วงว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดดีกว่า…ที่ผ่านมายังไม่พออีกหรือ?


เขียนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น