เล่นบาร์บี้ด้วยจิตว่าง

เดินชอปปิ้งด้วยจิตว่าง กินอร่อยด้วยจิตว่าง ด่าว่าคนด้วยจิตว่าง งอนแฟนด้วยจิตว่าง เล่นเฟซบุ๊คด้วยจิตว่าง!

เด็กน้อยที่ชอบเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ นั่งเล่นได้ทั้งวัน จับบาร์บี้แต่งชุดนั้นเปลี่ยนชุดนี้อย่างมีความสุข ถ้าคุณแม่มาบอกหนูน้อยคนนั้นว่า เมื่อหนูโตขึ้น หนูจะไม่เล่นบาร์บี้นี้หรอก แม่รับรอง หนูน้อยจะไม่มีวันเชื่อคำพูดของแม่เด็ดขาด หรือหนูน้อยอาจจะมีความรู้สึกไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ ด้วยความกลัวว่า วันหนึ่งความสุขที่สุดของการเล่นบาร์บี้จะหายไป

25 ปีผ่านไป…เด็กน้อยคนนั้นโตเป็นผู้ใหญ่ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีบาร์บี้อยู่ วันนี้จัดห้องเก็บของ เจอลังตุ๊กตาบาร์บี้ หยิบขึ้นมาดูสักพัก แล้วก็เก็บลงลัง อาจจะคิดเอาไปบริจาค หรือหากยังหวงอยู่ ก็เก็บมันต่อไปให้ปลวกแมลงสาบหนูกินจนพรุนก่อน ถึงจะทำใจให้คนอื่นได้ (ตอนดีๆ ให้ไม่ลง ชาตินี้จึงได้แต่ของไม่ดี)

วันนี้ให้เล่นอีกก็คงไม่เล่น ทำไมไม่เล่น คำตอบคือ “เสียเวลา” แต่ไปเดินชอปปิ้งเป็นวันๆ ดูหนังเป็นสิบๆ เรื่อง ไม่เสียเวลา เพราะอะไร?

เมื่อไรก็ตามมี ราคะ นันทิ ตัณหาในสิ่งใดๆ วิญญาณจะมีที่ตั้งอาศัย ทำไมผู้ใหญ่ไม่เล่นตุ๊กตา เพราะไม่มีราคะในตุ๊กตา คือความไม่มียินดีพอใจในตุ๊กตาแล้ว เมื่อไม่มีความยินดีพอใจในตุ๊กตาก็ไม่มีนันทิคือความเพลินในอารมณ์ แน่นอนตัณหาในตุ๊กตาจึงไม่เกิด แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะเก่งหรือดีแล้ว เข้าถึงธรรมแล้ว เพราะเขาก็ไปเสพติดสิ่งอื่นแทน แล้วชอบไปฟังธรรม หรือไปเข้าคอร์ส ถือว่าเสพติดไหม?…นี่เป็นคำถามที่ดี

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงให้ผู้คนทั้งหลายยึดกุศลสละอกุศลไว้ เพราะท่านทราบดีว่า จิตยังมีธรรมชาติยึดติดอยู่ จนถึงวันที่ชำระได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ท่านจึงต้องบอกสอนไว้ว่า อะไรคือกุศล เช่น การคบมิตรดี การฟังธรรม การเจริญสติ การเจริญสมาธิ พูดง่ายๆ ถ้าจะติดอะไรสักอย่าง ก็ให้เลือกติดกุศลไว้ก่อน ในสัมมาวายามะจะชัดเจนสำหรับผู้กำลังเดินทาง คือสละอกุศล เจริญกุศลไว้ เพราะการยึดกุศลไว้ในเบื้องต้น จะไม่สร้างความทุกข์เดือดร้อน เมื่อเจริญสติต่อไปจะเห็นเองว่ากุศลก็เกิดดับไม่มีตัวตน จากนั้นปล่อยอีกครั้ง มีที่พึ่งอันเกษมมีที่พึ่งอันสูงสุดสนั่นคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่มีการเกิดดับอีก

แล้ววันหนึ่ง เมื่อละราคะ นันทิ ตัณหาได้ จะยังคงไปเดินชอปปิ้งไหม? ถ้าไปก็คงไปซื้อของ ไม่ได้ไปหาความสุขความเพลินแบบเล่นบาร์บี้อีก

ถ้าจะกิน ก็คงแค่พอเลี้ยงธาตุขันธ์ให้ยังอัตภาพไปได้ จะได้มีชีวิตต่อไปเพื่อผู้อื่น (วันไหนตายก็จบกัน ไม่มีหวงไว้ เพราะไม่เคยอยู่เพื่อตนเอง)

ถ้าจะว่าผู้คนก็คงไม่ใช่เพราะโกรธ ที่มาทำให้เราขุ่น แต่เป็นความปรารถนาและเมตตาต่อคนอื่น ที่อยากให้เขาได้ดี ไม่มีอารมณ์

ส่วนงอนไม่มี เพราะหากจะไม่พูด ก็เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะพูด ไม่ต้องมีอารมณ์

เฟซบุ๊ค! ไม่อยากพูด ดูกันเอาเองว่าโพสต์รูปเพราะอะไร เปิดทุกวันเพราะอะไร เวลาคนโพสต์ข้อความที่ชอบก็ปลื้ม โพสต์ไม่ถูกใจก็นรก หรือฆ่าเวลา? ฆ่าสิ่งมีค่าที่สุดของเรา ที่มีเหลืออยู่เพียงนิดเดียวนี่นะหรือ?

ว่างจริงไม่ทำนะ ที่ทำอยู่ไม่ว่างจริง ทำอยู่ก็รู้นะ แต่รู้ไม่จริง… ถ้า “รู้” จริงไม่ทำ จะไปให้ถึงรู้จริง ละอารมณ์ให้ไวๆ รู้ลมไว้เรื่อยๆ ธรรมะที่ตื้นๆ ง่ายๆ แต่ลึกซึ้งที่สุด


เขียนเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น