ข้าวของตุ๊กตาของเล่นนั้นก็พอมี แต่ “เพื่อน” ไม่มี คนที่จะพูดคุยหรือเล่นด้วยไม่มี เด็กมีตั้งแต่ 2 ขวบถึง 10 ขวบกว่า ทุกคนน่าเห็นใจมาก ต้องให้คีโมตั้งแต่เด็กๆ เป็นมะเร็งผมร่วงตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องมาผ่าตัด เจ็บป่วยกันหนักๆ นักศึกษาไปอยู่นั่งคุย ปลอบใจ นั่งฟังปัญหา พูดคุย เล่นเกม อยู่ 3 ชั่วโมง พอจะกลับเด็กร้องไห้ ถามว่าเมื่อไหร่จะมาหาเขาอีก มันเศร้าจริงๆ เด็กๆ ลำบาก เขาทุกข์ เราก็ทำได้แค่เท่าที่เราไปอยู่เป็นเพื่อน เพียงชั่วครู่ ทำจิตอาสาแล้วก็จากมา เด็กๆ เหล่านั้นก็ต้องอยู่ต่อไป เราจะมาพูดมาหาความสุขอย่างนั้นอย่างนี้จากการได้ไปช่วยเด็กน้อยผู้น่าสงสารเหล่านั้นหรือ? เราไปทำจิตอาสากันทำไม? เราไปช่วยคน ช่วยเท่าที่เราช่วยได้ ไม่ได้ไปเพราะพวกเราจะมีความสุข แต่เป็นเพราะพวกเขาจะได้พ้นทุกข์ ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ หากจะภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสได้ช่วยเขาให้บรรเทาเบาคลายไปบ้าง แล้วเกิดเป็นความภาคภูมิใจ เป็นปีติ มีความสุขเอิบอิ่มนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง
แต่หากมองในส่วนของเด็กน้อยทั้งหลาย การไปของพวกเราเปรียบเสมือนลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเด็กน้อยวูบเดียว แล้วก็หายไป โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีลมพัดมาอีก
ทุกข์กาย > ทุกข์ใจ เป็นสิ่งเกิดคู่กันมาเป็นอัตโนมัติ
กลับมาจากโรงพยาบาล ผมถามนักศึกษาว่า “เด็กๆ ที่เจ็บป่วย เป็นมะเร็งบ้าง เป็นโรคร้ายอย่างอื่นบ้าง ภาพที่เห็นนั้นเขาทุกข์ไหม? ส่วนมากทุกข์ บางส่วนก็ดูร่าเริงก็มี ผมเปิดคลิปๆ หนึ่งที่คนพิการขาขาดแขนขาด เล่นดนตรีให้นักเรียนโรงเรียนหนึ่งที่อเมริกา ฟัง เขามีความสุขร่าเริงมาก (ถ้าใครเคยเข้าคอร์สคงจำได้) ผมถามนักศึกษาว่าถ้าเป็นเรา วันนี้เกิดอะไรขึ้น แล้วขาขาดแขนขาดอย่างที่เห็นนี้จะทุกข์ไหม? ทุกคนบอกว่า “ทุกข์” ผมถามว่าแล้วทำไมคนนั้นไม่ทุกข์ ตกลงความลำบากกายหรือความทุกข์กายนั้นใจต้องทุกข์ด้วยจริงหรือ? ทุกข์อยู่ที่ไหน? นักศึกษาทุกคนตอบว่า “อยู่ที่ใจ” วันนี้ พวกเรามีใครขาขาดจากน้ำท่วมไหม?
คนพิการในคลิป เขาเคยมาศึกษาอริยมรรคมีองค์ 8 หรือ? เขาจึงไม่ทุกข์…นี่ยังไม่ต้องถึงระดับศีล สมาธิ ปัญญาเลย? เขายังไม่ทุกข์เลย ยังไม่ต้องมาอ้างชื่อ ว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมหรอก แค่ความเข้าใจและยอมรับในระดับพื้นๆ ความทุกข์กายก็ทำอะไรใจเขาไม่ได้แล้ว แล้วเรานักปฏิบัติ ไม่อายบ้างหรือ? ยายยิ้ม กายก็ลำบากแต่ทำไมสุข สุขมันอยู่ที่ไหน?
วันนี้ฝืนทวนความเห็นผิดขึ้นมา อดทนสู้ ไม่ย่อท้อ ไม่คร่ำครวญ ทำทุกวินาทีอย่างดีที่สุดเพื่อคนอื่น แล้วเจริญมรรคแทรกเข้าไป ท่านจะเป็นผู้หนึ่งที่จะยืนยันคำสอนของพระศาสดาให้ชาวโลกได้ประจักษ์ ถึงจะต้องตายไป ก็จะไม่มีวันที่จะยอมทำบาปทำอกุศลเด็ดขาด
เขียนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น