ออกจากกามแบบอยู่กับกาม

วันนี้หากเราเอาธงพระนิพพานตั้งไว้ แล้วจะเดินทางไปให้ถึง เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องดำริถึง คือการพรากออกจากกามหรือเนกขัมมะ

วันนี้ทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ทางโลกนั้น ไม่สามารถจะพรากออกจากสิ่งยึดติดนี้ได้ หากเราพรากได้อย่างพระ การเดินทางเข้าหาธงชัยนั้น ก็คงทำได้สะดวกขึ้น ดังนั้นใครก็ตาม ที่เห็นความจริงข้อนี้ จะเห็นความจริงในลำดับต่อไปว่า ถ้าเราเทียบความเป็นพระในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว การเป็นพระ น่าจะเดินทางได้ง่ายกว่า (ต้องพระแท้นะ) เพราะการพรากจากกามแบบหักดิบ แล้วอดทนอดกลั้นฝืนทนจนเป็นปรกติ เหมือนกับคนจะเลิกยาเสพติด จะโหยหาลงแดง ดังนั้นต้องอดทนอดกลั้นอย่างมาก แต่ผู้ที่อดทนจนเลิกไปได้แล้ว ก็จะเป็นกำลังใจและสรรเสริญการกระทำของบุคคลนั้น

ทีนี้กลับมาที่เรา ในเมื่อทำอย่างพระไม่ได้ เครื่องร้อยรัดก็เต็มไปหมด จึงต้องใช้ปัญญาในการพรากแทน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จะละจากสิ่งใด ให้ถอนฉันทราคะในสิ่งนั้น ฉันทราคะก็คือความยินดีพอใจในสิ่งนั้น สิ่งนั้นก็จะกลายสภาพเป็นของว่างหมดอิทธิพลทางใจต่อเรา

ลองมาสังเกตดูว่า อะไรมีอิทธิพลต่อจิตใจของเราบ้าง อะไรทำให้ใจเราคอยโหยหา หวนหาอยู่เรื่อยๆ เช่น อยากได้กระเป๋า ภาพกระเป๋าก็จะมาวนเวียนเวียนวนอยู่ ไม่หยุดหย่อน ชอบรับประทานของดีๆ อร่อยๆ เผลอๆ ก็จะอยากกินสิ่งนั้นอยู่เรื่อยๆ บางท่านอาจเห็นเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เรื่องพวกนี้เมื่อสะสมไว้ จะกลายเป็นกำลังที่ทรงพลังของอวิชชา นี่คือเหตุผลว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงสรรเสริญสาวกที่เห็นโทษภัยแม้เพียงเล็กน้อย

สมาธิละราคะ ลองดูทีวีไปรู้ลมไปสิ จะรู้เองเลยว่า ความสนุกหรือความพอใจมันหายไป เมื่อความตั้งมั่นมีอยู่ จะรู้เองว่า ขณะที่ยินดีพอใจนั้น ใจไหลไปกับราคะและความเพลิน ที่เราบอกว่าสุขนั้นเพราะเราติด เมื่อไม่ได้ก็ทุกข์ และถ้าไม่ได้ออกผลในเรื่องนั้น ก็จะไปออกผลในเรื่องอื่นต่อไป

เนกขัมมะในชีวิตบ้าง อย่าปล่อยให้ไหลไปกับโลกมากนัก อย่าเจ้าเหตุเจ้าผลนักเลย เพราะเหตุผลทั้งหลายนั้นล้วนปกป้องแต่กิเลสทั้งสิ้น


เขียนเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2554


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น