เบื่อไฟแดง

ไฟแดงอีกแล้ว สงสัยออกจากบ้านก้าวเท้าผิด…มิน่า จิ้งจกทัก วันนี้เจอทั้งไฟแดงเจอทั้งรถไฟ

ใครสๆ ก็ชอบไฟเขียว ตำรวจนี่โง่จริงๆ ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่รู้ว่าคนชอบไฟเขียว ไม่ชอบไฟแดง น่าจะประชานิยมเสียหน่อย เปิดไฟเขียวมันเสียทุกด้านทุกแยกเลย คนจะได้สรรเสริญ คนมีปัญญาก็จะรู้ล่ะ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น (ไม่มีปัญญาก็รู้ เรื่องแค่นี้) แล้วบ่นอะไร?

เวลาเรารอไฟแดงมันหงุดหงิดร้อนใจ บางคนเถียงในใจว่า ฉันไม่เห็นเป็นเลย ฉันเฉยๆ จริงหรือ? เพิ่มโจทย์เข้าใจอีกหน่อย จะได้รู้จักกิเลส เอาคนที่คุณรักใส่เข้าไปในรถ แล้วกำลังป่วยหนัก ต้องถึงมือหมออย่างเร็วที่สุด หรือมีนัดสำคัญที่พลาดไม่ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้ายังไม่ขยับตอนไฟแดงที่หนึ่ง วิ่งไปสักพักแดงอีกแล้ว นานด้วยสิ ขยับไปนิดเดียวแดงอีกแล้ว คนเราเวลาโดนหมาล่าเนื้อขย้ำตัวแรกยังพอทน แต่พอตัวที่สองตัวที่สาม มันจะหลุดล่ะทีนี้

ไม่เคยมีไฟแดงครั้งไหนไม่เขียว ทำไมต้องแดงด้วย ตำรวจเองก็คงไม่อยากถูกด่าหรอก เชื่อเถอะ ทุกวันนี้เราได้สิ่งที่ไม่ควรจะได้มาจากความโง่ของเราเองคือทุกข์ คุณเคยทราบไหม ว่ามีคนมีความสุขจากไฟแดงมากมายบนท้องถนน จะด้วยมุมมองที่ถูกหรือเหตุการณ์มันเป็นอย่างนั้นก็ตาม เช่น กำลังจะโทรหาลูกค้าหรือเจ้านาย บางคนเช็คเมลส่งเมลระหว่างรถติด หนุ่มสาวเพิ่งเดทกันนั่งจีบกัน บ้างป้อนข้าวลูก กินข้าวเช้า แต่งหน้า ปัดขนคิ้ว ทาเล็บ สารพัด คนเหล่านี้มีความสุขเวลารถติดไฟแดง แต่ก็โง่อยู่ดี เพราะอยากให้แดงนานๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว ว่าไฟจะแดงจะเขียว มันไม่เกี่ยวกับอยากของใคร ทุกข์มาทั้งขึ้นทั้งล่องทั้งเฉยๆ

ไฟเขียวมาถึงแน่โดยไม่ขึ้นกับอยาก (ให้เขียวไวๆ ของใคร) หรือไม่ขึ้นกับไม่อยาก (ให้เขียวเพราะธุระยังไม่เสร็จ) ดังนั้นทั้งอยากและไม่อยาก ไม่เกี่ยวกับไฟจะแดงไฟจะเขียวเลย ที่ต้องแดงก็เพราะมีเหตุให้เกิด สุดท้ายก็ต้องเขียวเพราะมีเหตุ ลมหายใจเข้าอึดอัด ลมหายใจออกผ่อนคลาย เอาลมออกอย่างเดียวดีไหมล่ะ เข้าใจโลกตามจริง อย่าตั้งค่าอย่าหลงโลก เข้าใจสรรพสิ่งตามจริง ทุกข์ไม่เกิด โลกนี้ไม่ได้เป็นไปตามใจเรา เขาเป็นของเขาอย่างนั้น แค่บังเอิญถูกใจเราที่ตั้งไว้เองจึงเกิดเป็นพอใจและไม่พอใจหรือกลางๆ เท่านั้นเอง เมื่อวาง ไม่ยึดถือ เข้าใจเหตุ จะเกิดการปล่อยความยึดถือ สภาพทุกอย่างจะเป็นไปตามเหตุปัจจัย เราทำได้นะด้วยการทำเหตุ ทำแต่เหตุที่เป็นกุศล ทำอะไรอยู่บนความถูกต้อง ลูกน้องนิสัยไม่ดี ลูกนิสัยไม่ดี ก็ต้องดุต้องว่า แต่ไม่ต้องไปโกรธไปแค้นให้ลงนรกทั้งเดี๋ยวนี้และอนาคต การปล่อยวางเขา ใช้วางความยึดถือภายใน ไม่ใช่วางการกระทำที่ถูกต้องภายนอก ถ้าวางการกระทำที่ถูกต้องนั้น เขาเรียกว่าปล่อยปละละเลย

ไฟแดงต้องเขียวแน่ ทำงานถ้ามี 9 โมงเช้ามี 5 โมงเย็นแน่ ไปท่องเที่ยววันแรก วันสุดท้ายมาถึงแน่ โดยไม่ขึ้นกับอยากให้ถึงหรือไม่อยากให้ถึงของใคร แล้ววันสุดท้ายหรือวันตายมาถึงแน่ไหม มาถึงแน่

แต่ความตายเป็นสิ่งแน่นอนไหม?…ก็ต้องแน่ซิ ใครๆ ก็ต้องตาย…นั่นเป็นมุมที่มองจากฝั่งปุถุชน

เพราะในพระอรหันต์ เมื่อไม่มีผู้ตาย แล้วใครตายล่ะ ความตายจึงไม่แน่นอน เป็นอนิจจังเช่นกัน เพราะมีคนตาย เมื่อหลงว่ากูตาย ถ้าไม่มีกูตายแล้วใครจะตาย มันก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้นเอง


เขียนเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2554


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น