ประทับใจเด็กญี่ปุ่น

ด้านล่างเป็นบันทึกของชาวเวียดนามผู้หนึ่ง ซึ่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เมืองฟุกุชิมะ 9 วันหลังจากเกิดมหาวิบัติภัย

ความประทับใจที่ได้รับจากเด็กญี่ปุ่น 9 ขวบ (เหตุการณ์สึนามิเมื่อต้นปี พ.ศ. 2554)

“เมื่อคืนนี้ ผมถูกส่งไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยหน่วยงานอาสาสมัครในการแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ประสบภัยพิบัติ ในหมู่ผู้เข้าคิวยาวรออยู่นั้น ผมสังเกตเห็นเด็กชายอายุประมาณ 9 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งใส่เพียงเสื้อคอกลมและกางเกงขาสั้น อากาศขณะนั้นหนาวเย็นมาก และเขากำลังยืนคอยอยู่ท้ายแถว

ผมเป็นห่วงว่า อาจจะไม่มีอาหารหลงเหลือพอ เมื่อถึงคิวของเขา ผมจึงเดินไปเพื่อคุยกับเขา เขาเล่าให้ผมฟังว่า แผ่นดินไหวและสึนามิเกิดขึ้น ขณะที่เขาอยู่ที่โรงเรียนในชั่วโมงพละศึกษา พ่อของเขา ซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน มาหาเขาที่โรงเรียน เขามองเห็นคุณพ่อและรถของพ่อถูกน้ำพัดหายไปจากระเบียงชั้น 3 ของโรงเรียน

คุณพ่อของเขาคงเสียชีวิตไปแล้ว…

เมื่อผมถามเขาถึงคุณแม่ เขาบอกผมว่าครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ริมทะเล ดังนั้นคุณแม่และน้องชายของเขา คงไม่สามารถหลบหนีได้ทัน แล้วเขาก็หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เพื่อเช็ดน้ำตาเมื่อถูกถามถึงญาติๆ ของเขา ผมเห็นว่าเขาคงหนาวอยู่ จึงถอดเสื้อโค้ทตำรวจคลุมร่างเขาไว้

ขณะเดียวกับที่อาหารมื้อเย็นที่ซุกอยู่ในกระเป๋าหล่นออกมา

ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งให้เขา พร้อมบอกเขาไปว่า “น้าเป็นห่วง ว่าอาจจะไม่มีอาหารเหลือถึงคิวของเธอ นี่เป็นส่วนของน้า น้ากินไปแล้วหน่อยนึง เธอกินส่วนที่เหลือให้หมดเถอะ”

เด็กน้อยยื่นมือมารับอาหาร แล้วค้อมตัวลงกล่าวคำขอบคุณ ผมคิดว่าเขาคงรีบกินด้วยความหิวในทันที

แต่…เปล่าเลย เขาถืออาหารชิ้นนั้น เดินตรงไปยังหัวแถวที่มีคนคอยแจกอาหารอยู่ แล้ววางอาหารที่ผมให้กับเขาลงในกล่องของอาหารที่กำลังได้รับการแจกจ่าย จากนั้นก็เดินกลับมาเข้าแถวดังเดิม

ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงถามเขาว่าทำไมเขาไม่กินอาหารที่ผมให้ เขาตอบผมว่า “เพราะมีคนอีกมาก ที่อาจจะหิวยิ่งกว่าผม ผม…วางไว้ที่นั่นเพื่อที่อาหารจะได้รับการแจกจ่ายอย่างเป็นธรรมให้กับทุกคน”

เมื่อผมได้ฟังคำตอบ ผมต้องหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพื่อแอบร้องไห้ไม่ให้คนอื่นเห็น

ผมรู้สึกตื้นตันใจ ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายอายุ 9 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่เพียงชั้นประถมปีที่ 3 จะสามารถสอนบทเรียนล้ำค่าแก่ผมได้ในเวลาคับขันเช่นนี้ มันเป็นบทเรียนแสนสะเทือนใจของความเสียสละ ประเทศใดที่มีเด็กๆ อายุเพียง 9 ขวบ ซึ่งเรียนรู้ที่จะอดทนกับความยากลำบากและเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ ต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ประเทศนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่คับขันที่สุด แต่ประเทศนี้ต้องสามารถฟื้นคืนกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมได้แน่นอน ทั้งนี้ด้วยเพราะประชาชนผู้รู้ที่จะเสียสละตัวเองให้กับผู้อื่น ดังเช่นเด็กชายน้อยๆ ผู้นี้”

ที่มา: เฟซบุ๊คภายใต้ชื่อ “พระไพศาล วิสาโล”


เขียนเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2554


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น