ละอกุศลทางวาจา คือมีศีล ก็ต้องละที่ใจ (เจตนาเป็นเครื่องเว้น)
มีศีลไว้ก็เริ่มหัดเว้นที่ใจ แล้ววันหนึ่งใจก็ตั้งมั่นขึ้น เพราะมีศีล ฝึกตาในไว้ ก็จะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวภายใน
ละอกุศลในใจ ใช้เจริญภาวนาสเจริญกุศลแทรกเข้าไปแทนที่อกุศล จิตก็จะปล่อยอกุศล ทำบ่อยๆ จิตจะเกิดนิสัยใหม่ ไม่รับอกุศลเข้ามา ทุกอย่างมารวมกันอยู่ที่ใจ ใจไม่ดีก็ทำบาปทำชั่วทำผิดศีล ใจไม่ดีก็ด่าว่าโกหกได้สารพัด ฝึกละให้ได้ ไม่ว่ากาย วาจา ใจ ใจก็จะเป็นสุข เพราะทุกอย่างมารวมกันที่ตรงใจ ทำได้แค่นี้ก็สุขมากแล้ว ถ้าได้ตรงนี้ เขาไปต่อเองได้แล้ว
นี่ล่ะเรื่องใหญ่ อย่าทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก แล้วถนัดที่จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ประเภทเม้าท์แตกแล้วมันส์ หัวเราะร่า ไล่ล่าหาที่อร่อยๆ กิน เผลอเพลินไปกับการละเล่น การดู การฟัง ถ้าอบายมุขไม่ต้องพูดกันเลย ไม่อย่างนั้นเมื่อวันที่ทุกอย่างดับลง ไม่ว่าจะไฟ (ฟ้า) จากภัยพิบัติภายนอกหรือไฟ (ธาตุ) ภายใน เราจะกลับตัวไม่ทันแน่ จะเสียวสะดุ้งวูบใหญ่สตกใจเมื่อเห็นไฟ (โลกันต์) พวยพุ่งขึ้นแทน
หากจะไม่ปฏิบัติอะไรเลย ก็ขอให้หยุดอกุศลทั้ง 3 กาลเถอะ จะได้ชื่อว่าเกิดมาแล้วยังพอมีกำไรติดไม้ติดมือไปบ้าง นี่ขนาดชาตินี้ดีที่สุดในยุคนี้แล้วนะ ยังได้ไปแค่นี้ ตายจากชาตินี้ไปไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโอกาสอย่างนี้อีก โชคดีไม่ได้แปลว่าได้เกิดมาร่วมชาติกับผู้ถึงธรรม ไม่ได้แปลว่าได้ไปทำบุญกับผู้ถึงธรรมนะ แต่โชคดีคือได้มีโอกาสทำให้ตนได้ไปถึงธรรมต่างหากล่ะ…อย่าเข้าใจผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น